เรามักเคยได้ยินประโยคเหล่านี้ Do you like coffee? Would you like coffee? Do you like pizza? Would you like pizza? Do you like cookie? Would you like cookie? แต่ก็นึกสงสัยอยู่ไม่น้อยใช่ไหมว่า Wo...
ใช้ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้น ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นจะช่วยให้ผิวหน้าของคุณไม่เกิดการระคายเคือง การใช้ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นเป็นประจำจะช่วยให้ผิวแข็งแรงและกระชับ ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเจือปน และใช้หลังล้างหน้าเสร็จ 3. เช็ดเครื่องสำอางให้สะอาด ต้องแน่ใจว่าคุณได้ทำการทำความสะอาดเครื่องสำอางจนไม่เหลืออุดตันรูขุมขนแล้ว เพราะรูขุมขนที่อุดตันเป็นสาเหตุของการเกิด สิว 4. อย่าสัมผัสสิว หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า บีบหรือแกะ สิว เพราะเมื่อคุณบีบสิว อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายไปทั่วใบหน้า รวมไปถึงมือของคนเรานั้นมีไขมัน และสิ่งสกปรก การสัมผัสใบหน้าอาจทำให้เกิดสิวได้ โดยเฉพาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่าย
2 ลิตร (9 ถ้วย) ต่อวันสำหรับผู้หญิง [2] เนื่องจากวิธีนี้ค่อนข้างจะจำง่าย เราแนะนำให้ใช้กฎ "8 คูณ 8" ซึ่งก็คือ ดื่มน้ำ 8 ออนซ์ 8 แก้วต่อวัน เมื่อร่างกายขาดน้ำ คุณจะสูญเสียความชุ่มชื้นในผิวของคุณไปด้วย หมายความว่า บริเวณผิวหนังของคุณจะมีการไหลเวียนน้อยเกินกว่าที่จะผลิตสารอาหารที่จำเป็นได้ [3] เมื่อใดที่ร่างกายของคุณไม่ได้รับน้ำอย่างเหมาะสม ผิวหนังของคุณเป็นที่แรกบนร่างกายที่จะรู้สึกถึงการขาดน้ำ การดื่มน้ำเยอะๆ จะช่วยให้ตับและไตของคุณสามารถล้างสารพิษได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การดื่มน้ำยังช่วยให้ลำไส้ใหญ่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้มั่นใจว่าร่างกายของคุณได้รับวิตามินอย่างเหมาะสม.
ควรใช้ครีมบำรุงผิวแบบปราศจากน้ำมัน หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าระหว่างวัน การสัมผัสใบหน้าจะทำให้แบคทีเรียแพร่กระจายไปบนใบหน้าของคุณ อย่าล้างหน้าบ่อยเกินไป ไม่อย่างนั้นน้ำมันที่สร้างขึ้นตามธรรมชาติบนผิวหน้าของคุณอาจถูกล้างออกไปด้วย คำเตือน การบีบสิวอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้ หากคุณจะบีบสิว ให้พยายามทำอย่างเหมาะสมเพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้ มีการเข้าถึงหน้านี้ 30, 873 ครั้ง บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
เราทุกคนล้วนมีสิวที่ทำให้เกิดการระคายเคืองและรอยแดง รอยแดงจากสิวคือผลของการอักเสบ ไม่ใช่รอยแผลเป็น ในความเป็นจริงแล้ว อาการอักเสบช่วยให้เนื้อเยื่อของเราสร้างตัวขึ้นใหม่ และเป็นส่วนหนึ่งของผลของการที่ร่างกายของเราพยายามรักษาตัวเองและไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด แต่การที่ใบหน้าของเรามีอาการอักเสบเกิดขึ้นเต็มไปหมดให้ชาวโลกได้รับรู้นั้นก็เป็นเรื่องชวนหงุดหงิดไม่ใช่น้อย โชคดีที่ว่า เรายังพอมีวิธีบ้านๆ ที่สามารถช่วยลดหรือซ่อนรอยแดงที่เกิดจากการอักเสบได้จนกว่าผิวของคุณจะหายดี ส่วน 1 ของ 2: การรักษารอยแดงจากสิวด้วยวิธีที่ทำได้ภายในบ้าน 1 ประคบน้ำแข็งบนสิวเพื่อลดการอักเสบ. ใช้ผ้าสะอาดผืนบางๆ ห่อน้ำแข็งสักสองสามก้อนแล้วแนบลงไปบนสิวตรงๆ ควรระวังไม่ให้ใช้แรงกดลงบนใบหน้ามากเกินไป เนื่องจากการกดแรงๆ อาจทำให้สิวแตกได้ ซึ่งจะยิ่งทำให้เกิดรอยแดงมากขึ้นและทำให้แบคทีเรียแพร่กระจายเข้าไปอีก อุณหภูมิเย็นจะควบคุมการไหลเวียนเลือดในร่างกายให้ช้าลง ช่วยลดอาการบวมและรอยแดงในเนื้อเยื่อได้รับการบาดเจ็บ นักกีฬาหลายๆ คนใช้วิธีการรักษาอาการอักเสบของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการบาดเจ็บด้วยวิธีการบำบัดด้วยน้ำแข็ง (เช่น การแช่อ่างน้ำแข็ง หรือการประคบด้วยน้ำแข็ง เป็นต้น) 2 ใช้ยาหยอดตา.
ให้หาซื้อผลิตภัณฑ์ที่ 'เห็นผลทันที' เภสัชกรอาจช่วยคุณได้ 8 ใช้คอนซีลเลอร์เพื่อซ่อนรอยแดงทันที. คอนซีลเลอร์ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิซิลิกที่ช่วยให้สิวแห้งเร็วขึ้นเมื่อทาลงไปแล้วนั้นก็มีขายเช่นกัน คอนซีลเลอร์สีเขียวจะช่วยปิดบังรอยแดงบนผิวของคุณ รองพื้นชนิดน้ำที่ตรงกับผิวของคุณ หรือแป้งฝุ่นที่ใช้ทาในขั้นสุดท้าย ส่วน 2 ของ 2: การปฏิบัติตนเพื่อรักษาผิวไม่ให้มีสิวมากล้ำกราย ล้างหน้าเป็นประจำทุกวันด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าที่มีคุณภาพ. ล้างหน้าหนึ่งครั้งในช่วงเช้าและอีกครั้งในตอนกลางคืน บำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้นทุกครั้งหลังจากล้างหน้า เสร็จแล้วก็ทายาทุกครั้ง อย่าขัดหน้าแรงเกินไปหรือใช้อุปกรณ์ที่มีผิวหยาบ เช่น ใยบวบ หรือผ้าขนหนู ในการทำความสะอาดใบหน้า แค่ใช้มือของคุณก็เพียงพอแล้ว เวลาที่เช็ดหน้าให้แห้ง ให้ค่อยๆ ใช้ผ้าขนหนูซับจนแห้ง (หรือปล่อยให้แห้งเอง) อย่าใช้ผ้าขนหนูเช็ดหน้าแรงเกินไป หากคุณใช้ยารักษาสิวที่หาซื้อเองทั่วไปและใช้วิธีรักษาด้วยสิ่งของใกล้ตัวภายในบ้านมานานถึง 2 เดือนแล้ว แต่ยังไม่เห็นถึงความความก้าวหน้าใดๆ กับสิวบนใบหน้าของคุณ ให้ไปปรึกษาแพทย์ผิวหนัง ดื่มน้ำเยอะๆ. แพทย์หลายคนแนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อย 3 ลิตร (13 ถ้วย) ต่อวันสำหรับผู้ชาย และ 2.